
ที่มารูปภาพ: https://pixabay.com/photos/airport-tourism-flying-air-traffic-1515431/
ความสุขคือความรู้สึกชอบหรือพึงพอใจของแต่ละคน บ้างมีความสุขกับการทำงานที่รัก
บ้างมีความสุขกับการได้ทำกิจกรรมกับครอบครัวหรือบางทีแค่ได้มีเวลาผ่อนคลายสักชั่วโมงต่อวันก็มีความสุขแล้ว
เราเชื่อว่าหนึ่งในความสุขที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของใครหลายคนก็คือการได้ใช้เวลาไปกับการท่องเที่ยว
จะเพื่อพักผ่อนหย่อนใจก็ดี หรือจะเพื่อเปิดโลกทัศน์ให้ตัวเองก็ได้ ซึ่งการได้ท่องเที่ยวในปีหนึ่ง
ๆ เสียบ้างก็ถือว่าเป็นกำไรของชีวิตแล้ว ยิ่งถ้าได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวไกล
ๆ ยิ่งเป็นการเพิ่มสีสันในชีวิตเข้าไปอีก ดังนั้นเราจึงอยากใช้โอกาสนี้แนะนำขั้นตอนการเช็คอินที่สนามบินสำหรับใครก็ตามที่มีแผนในการเดินทาง
จะได้ใช้เป็นคู่มือช่วยให้การเดินทางของคุณสนุกและสุขสุด ๆ ไปเลยอย่างไรกันล่ะ
จะมีข้อไหนบ้างเราไปดูกันเลย
1. ตรวจสอบความถูกต้องของเที่ยวบิน เพื่อให้การท่องเที่ยวของเราไม่สะดุด
เราควรตรวจสอบรายละเอียดของตั๋วเครื่องบินหรือ e-ticket ที่เราจองไว้ล่วงหน้ากับเที่ยวบินของวันที่เดินทางว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ตามปกติหากไม่ได้รับอีเมล (e-mail) เปลี่ยนแปลงการเดินทางจากสายการบินก่อนวันที่เดินทางนั่นหมายความว่าตารางการเดินทางที่เราจองไว้ยังคงเหมือนเดิม
แต่หากได้รับอีเมลจากสายการบินว่าเที่ยวบินมีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีการปรับแผนการเดินทางใหม่ทันที
เพื่อป้องกันการเดินทางไปถึงสนามบินล่าช้าจนเป็นเหตุทำให้ตกเครื่องบินได้
2. จัดเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการเดินทางให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน
หนังสือเดินทาง (Passport) หรือใบจองตั๋วเครื่องบินหรือตั๋วอิเล็กทรอนิกส์
(e-ticket) และเพื่อความปลอดภัยกรณีที่เราลืมบัตรประชาชน ให้เราถ่ายรูปบัตรประชาชนเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือด้วย
เนื่องจากปัจจุบันหลาย ๆ สายการบินอนุญาตให้ใช้รูปบัตรประชาชนในโทรศัพท์มือถือแทนบัตรจริงได้กรณีฉุกเฉินหรือลืมพกติดตัวมาจริง
ๆ
3. แพ็กกระเป๋าเดินทางให้ไม่เกินจำนวนน้ำหนักกระเป๋าที่ซื้อไว้ โดยเฉลี่ยแล้วน้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดขึ้นเครื่องได้จะอยู่ระหว่าง
20 - 30 กิโลกรัม ส่วนกระเป๋าสัมภาระที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วยจะกำหนดน้ำหนักอยู่ที่ไม่เกิน
7 กิโลกรัม และห้ามไม่ให้บรรจุสิ่งของต้องห้ามขึ้นเครื่องบิน ประกอบด้วย
ของเหลว เครื่องดื่ม แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ของมีคม วัตถุไวไฟ หรือสารอันตราย
4. วางแผนในการเดินทาง เนื่องจากสนามบินจะมีผู้คนที่ต้องการเดินทางเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
ประกอบกับมีกระบวนการและขั้นตอนในการตรวจสอบก่อนขึ้นเครื่อง จึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนในการเดินทางให้ถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องออกไว้ล่วงหน้า
โดยหากเป็นการเดินทางต่างประเทศควรถึงสนามบินล่วงหน้า 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
และหากเป็นการเดินทางภายในประเทศ ควรถึงสนามบินล่วงหน้า 1 - 2 ชั่วโมง
5. ตรงไปที่ชั้นผู้โดยสารขาออก ทันทีที่เดินทางถึงสนามบินให้ตรงไปที่ชั้นผู้โดยสารขาออกและมองหาบอร์ดสายการบิน
(Departure Board) เพื่อตรวจสอบว่าสายการบินที่ต้องเดินทางจะต้องเช็คอิน
(Check-in) ที่เคาน์เตอร์หมายเลขใด
6. เช็คอิน (Check-in) เตรียมขึ้นเครื่อง หลังจากทราบหมายเลขเคาน์เตอร์สายการบินแล้ว
ให้ตรงไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับยื่นหนังสือเดินทาง (Passport) บัตรประชาชน
(ID Card) และใบจองตั๋วเครื่องบินหรือ e-ticket กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นทำการโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องซึ่งตามปกติแล้วสายการบินโดยทั่วไปอนุญาตให้โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องได้คนละ
1 - 2 ใบและให้มีกระเป๋าสัมภาระติดตัวได้ 1 ใบ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะปริ้นท์บัตรผ่านขึ้นเครื่อง
(Boarding Pass) ให้
7. ขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง ที่บัตรผ่านขึ้นเครื่อง (Boarding Pass)
จะมีการระบุหมายเลขที่นั่งบนเครื่อง เวลาเครื่องออก (Boarding Time) และหมายเลขประตูทางออกขึ้นเครื่อง
(Gate) ซึ่งการเดินทางไปประตูทางออกขึ้นเครื่อง (Gate) จะต้องผ่านการตรวจหนังสือเดินทางและเช็กการผ่านด่านก่อนทุกครั้ง
โดยในปัจจุบันสามารถผ่านการตรวจหนังสือเดินทางด้วยตัวเองได้โดยกางหนังสือเดินทาง
(Passport) หน้าที่มีรูปถ่ายแล้วสอดเข้าเครื่องสแกน จากนั้นสอดบัตรผ่านขึ้นเครื่อง
(Boarding Pass) เพื่อสแกนบาร์โค้ด (Barcode) เมื่อประตูเปิด ให้เดินเข้าไปหยุดยังตำแหน่งรองเท้า
แล้วถอดหมวก แว่นตาแล้วมองกล้อง สแกนนิ้วชี้ที่เครื่องก่อนเดินออกจากประตูได้
8. ขั้นตอนการผ่านด่าน ขั้นตอนต่อมาคือการผ่านด่านเข้าประตูทางขึ้นเครื่อง
(Gate) โดยจะต้องมีการถอดเสื้อนอก โลหะ รองเท้าหรือเข็มขัด วางกระเป๋าสัมภาระใส่ตะกร้าแล้วปล่อยผ่านสายพาน
ก่อนเดินเข้าเครื่องสแกนอีกครั้ง โดยจะต้องไม่มีสัญญาณดังเตือนจึงถือว่าสามารถผ่านด่านได้
9. เดินทางสู่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง (Gate) เมื่อผ่านขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
จะสามารถผ่านเข้าสู่ทางไปประตูทางออกขึ้นเครื่อง (Gate) ได้ ทั้งนี้หากมีเวลาก่อนเครื่องออกประมาณ
30 - 40 นาที ก็ยังสามารถใช้เวลาเดินช้อปปิ้งหรือหาของกินภายในอาคารได้
10. รอเวลาขึ้นเครื่อง อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าควรเดินทางมาถึงที่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง
(Gate) ก่อนเวลาเครื่องออกประมาณ 30 - 40 นาที โดยในช่วงนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการประกาศให้ผู้โดยสารทยอยขึ้นเครื่องบินได้
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทางสายการบินจะประกาศให้ผู้โดยสารชั้นเฟิรสต์คลาส (First
Class) ได้ขึ้นเครื่องก่อนผู้โดยสารชั้นอื่น ๆ
จะเห็นได้ว่าในภาพรวมของขั้นตอนการเช็คอิน (Check-in) ที่สนามบินนั้นสามารถดำเนินการได้ด้วยความรวดเร็วหากว่ามีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทาง
ไม่ว่าจะเป็นการเผื่อเวลาเดินทางมายังสนามบิน การแพ็กกระเป๋าให้มีน้ำหนักไม่เกินจากที่ซื้อค่ากระเป๋าเดินทางไว้
รวมถึงต้องไม่มีสิ่งของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบินติดกระเป๋า ตลอดจนการเตรียมเอกสารการเช็คอิน
(Check-in) ทุกอย่างไว้ครบถ้วน ซึ่งการเตรียมความพร้อมเหล่านี้จะช่วยให้สามารถประหยัดเวลาสำหรับขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางและการผ่านด่านได้
ทั้งนี้ก็เข้าใจความรู้สึกของผู้ที่เคยเดินทางโดยเครื่องบินเป็นครั้งแรกว่าอาจจะกังวลถึงการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนอยู่บ้าง
ดังนั้นการใช้บริการจากมืออาชีพหรือผู้ช่วยด้านการเดินทางจึงถือเป็นคำตอบที่ดีสำหรับนักเที่ยวมือใหม่
เราจึงขอแนะนำอีกวิธีคือ เลือกใช้บริการจากมืออาชีพที่สามารถช่วยทุกคนได้
SaveFlights.com บริการรับจองตั๋วเครื่องบินทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ
ประสบการณ์กว่า 15 ปี
ที่มาข้อมูล
https://th.wikihow.com/เช็คอินที่สนามบิน
|